ขอบคุณที่มาภาพจาก istockphoto
หรือเรียกสั้น ๆ ว่าฮิมมี่ (Himmie) เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวเปอร์เซียและแมวพันธุ์วิเชียรมาศ ทำให้ หิมาลายัน มีขนยาวคล้าย แมวเปอร์เซีย และมีสีแบบแมววิเชียรมาศ 9 จุด ได้แก่ ครอบหน้า ใบหู ขาทั้งสองข้าง หาง และอวัยวะเพศ ได้รับการยอมรับว่าเป็น แมวเปอร์เซีย สายพันธุ์หนึ่ง สำหรับที่มาของชื่อหิมาลายัน เกิดจากการผสมพันธุ์ครั้งแรกในแถบเทือกเขาหิมาลัย
หิมาลายัน เป็นแมวขนาดกลาง มีน้ำหนักประมาณ 3-5 กิโลกรัม มีขนาดหัว และตากลมโตสีน้ำเงินหรือฟ้า จมูกสั้น แก้มเต็ม และหูขนาดเล็กมีปลายมน คอสั้นและหนา มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง คอของมันสั้นหนา อุ้งเท้ากลมโต หางสั้น ขนของหิมาลายันยาวมันวาวเนื้อละเอียดอ่อนนุ่มคล้ายกับ แมวเปอร์เซีย
เป็นแมวที่ไม่ซุกซนและไม่ชอบการทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน แม้ว่าพวกมันจะชื่นชอบการเล่นหรือการทำกิจกรรม แต่ก็มีช่วงเวลาเป็นส่วนตัว มีความอ่อนโยน เชื่อง และค่อนข้างเงียบสงบ มีเสียงร้องที่นุ่มนวลน่าฟัง ไม่ชอบเสียงดังจึงชื่นชอบสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ
ขอบคุณที่มาภาพจาก istockphoto
แม้ว่าหิมาลายันจะเป็นแมวที่สวยสง่างาม แต่ทว่ามีแนวโน้มของปัญหาสุขภาพหลายประการ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างใบหน้า
โรคที่พบได้บ่อยใน แมวหิมาลายัน ได้แก่ การหายใจลำบากหรือหายใจเสียงดัง เนื่องจากมันมีรูจมูกที่ตีบและเล็ก ความผิดปกติของฟันทำให้ฟันของมันไม่สบกัน การฝ่อของจอประสาทตา ความผิดปกติของระบบประสาท ไวต่อความร้อน โรคไต โรคผิวหนังและการติดเชื้อรา ทำให้เกิดอาการแพ้ ผื่นคันและขนร่วง เป็นต้น
ขอบคุณที่มาภาพจาก thepaws
สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับ แมวหิมาลายัน คือ พวกมันมีขนยาวซึ่งจะต้องได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอด้วยการแปรงขนทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นขนพันกันเป็นกระจุกและกำจัดขนที่หลุดร่วง
ควรอาบน้ำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง พร้อมทั้งดูแลความสะอาดของกระบะทรายและครอกอยู่เสมอ เพราะอาจทำให้สิ่งสกปรกติดตามอุ้งเท้าและขนยาว ๆ ของพวกมันได้ นอกจากนี้ ควรมีการแปรงฟันทุกวันเช่นเดียวกันแมวสายพันธุ์อื่น ๆ เพื่อป้องกันโรคฟันผุ และใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นทำความสะอาดรอบดวงตาเพื่อขจัดคราบน้ำตา
อย่างไรก็ตาม หากบ้านของคุณมีเด็กเล็กหรือสมาชิกมากและมักส่งเสียงดัง หิมาลายัน อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก เนื่องจากมันไม่ชอบเสียงดังหรือความอึกทึก เพราะฉะนั้นหากคุณมีสภาพแวดล้อมดังกล่าวอาจไม่เหมาะนักที่จะเลี้ยง แมวพันธุ์หิมาลายัน ควรมองหาแมวที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมดังกล่าวได้จะดีกว่า
ที่มา cattime
แหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับคนรักสัตว์และทาสน้องทั้งหลาย ครบเครื่องทั้งวิธีการดูแลสัตว์เลี้ยง การให้อาหาร และข้อมูลของสัตว์เลี้ยงแปลกๆ รวมมาไว้ให้ทาสน้องที่นี่