การดูแลสัตว์เลี้ยง
วิธีดูแลสัตว์เลี้ยง

กลิ่นเหม็นในสุนัขที่ไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการอาบน้ำ

กลิ่นเหม็น

ขอบคุณที่มาภาพจาก loveyourdog

สุนัขมีกลิ่นเหม็น

          ถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากสุนัขไม่ได้อาบน้ำทุกวันเหมือนมนุษย์ แต่ กลิ่นเหม็น ที่ไม่ได้อาบน้ำย่อมมีความแตกต่างจาก กลิ่นเหม็น ที่มาจากปัญหาอย่างอื่น ๆ หาก สุนัขมีกลิ่นเหม็น ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการอาบน้ำอาจมาจากปัจจัยดังต่อไปนี้

 

การติดเชื้อในหู

          พวกมันมักจะส่ายหัวไปมา เอาอุ้งเท้าปิดหู หรือขัดขืนเมื่อสัมผัสหู หากเป็นเช่นนี้อาจเป็นไปได้ว่าสุนัขของคุณอาจ ติดเชื้อในหู โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย เนื่องจากหูมีความชื้นและมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตของเชื้อโรคและแบคทีเรีย ทำให้หู สุนัขมีกลิ่นเหม็น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ส่งผลให้สุขภาพหูมีปัญหาได้แก่ อาการแพ้ ความไม่สมดุลของฮอร์โมน ขนส่วนเกินในหู น้ำเข้าหู เป็นต้น

         

          การ ติดเชื้อในหู อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นแปลก ๆ ในสุนัข ดังนั้นจึงควรพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์ เพื่อตรวจอย่างละเอียดว่าสุนัขติดเชื้อแบคทีเรียหรือไม่ หรือมาจากภาวะอื่น ๆ โดยปกติสัตวแพทย์มักทำความสะอาดหูของพวกมันและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่

โรคฟัน

ขอบคุณที่มาภาพจาก dogtoyadvisor

โรคฟัน

          การสะสมของหินปูนและคราบจุลินทรีย์บนฟันของสุนัขอาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ซึ่ง โรคฟัน เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น พันธุ์กรรม การรับประทานอาหาร หรือการขาดการทำความสะอาดฟันที่เหมาะสมสัญญาณบางอย่างของ โรคฟัน ในสุนัข ได้แก่ กลิ่นปาก การเปลี่ยนสีของฟัน เลือดออกหรือเหงือกแดง ปัญหาในการกินหรือเคี้ยวอาหาร ฟันหลุด ไม่ต้องการให้สัมผัสปาก อาการบวมที่ใบหน้าหากมีอาการที่รุนแรง

          เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นที่มาจาก โรคฟัน ควรปรึกษาการทำความสะอาดฟันกับสัตวแพทย์ และทำความสะอาดฟันอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เหมาะสมกับสุขภาพฟัน หลีกเลี่ยงอาหารที่แข็ง เช่น กระดูก

 

สภาพผิว

          ผิวหนังครอบคลุมทั่วร่างกาย ดังนั้น สภาพผิว จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลิ่นของสุนัข เช่นเดียวกับในมนุษย์ การแปรงขนเป็นประจำสามารถทำให้เกิดรังแคได้ จึงควรใช้เครื่องมือเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก เช่น furminator เพื่อไม่ให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วระคายเคืองต่อผิวที่มีสุขภาพดี

          อาการคันและระคายเคืองที่พบบ่อยที่สุด มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้สุนัขเกาและเคี้ยวผิวหนังของมันเองโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บปวด จนในที่สุดก็กลายเป็นบาดแผลและทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง เป็นที่มาของกลิ่นฉุนบนผิวหนัง

          อย่างไรก็ตาม สภาพผิวบางอย่างอาจทำให้เกิดกลิ่นผิดปกติ ได้แก่ แผลบนผิวหนัง รังแค (ผิวแห้งและเป็นเกล็ด) โรคผิวหนังที่เกิดจากหมัด ยีสต์บนผิวหนัง ไรผิวหนังที่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง อาการแพ้ผิวหนัง (ทำให้คันและระคายเคืองผิวหนัง) เป็นต้น

 

แก๊สในระบบทางเดินอาหาร

          อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สุนัขมีกลิ่นเหม็น แม้ว่าอาการท้องอืดเป็นครั้งคราวจะเป็นเรื่องปกติ แต่หากพบว่าสัตว์เลี้ยงของคุณมี แก๊ส ตลอดเวลา หรือมี แก๊ส ที่กลิ่นแรงมากอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ใหญ่กว่า เนื่องจากลำไส้เป็นระบบที่อ่อนไหว ดังนั้นเมื่อถูกรบกวนหรือขาดความสมดุลอาจทำให้ปวดท้องหรือมีอาการท้องอืดเพิ่มขึ้นได้

          

           แก๊สในระบบทางเดินอาหาร มาจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ การเปลี่ยนอาหาร การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม กินขยะหรือของที่ไม่ควรมี ความไม่สมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ปรสิตในลำไส้ เป็นต้น หากสัตว์เลี้ยงมีปริมาณ แก๊ส มากผิดปกติ ขอแนะนำให้พาไปพบสัตว์แพทย์ เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่คุณสามารถทำได้ในอาหารของสัตว์เลี้ยงหรือไม่

กลิ่นเหม็น

ขอบคุณที่มาภาพจาก loveyourdog

กลิ่นเหม็นขณะที่สุนัขเปียก

          เป็นเรื่องปกติ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับแบคทีเรียและยีสต์ที่อาศัยอยู่บนผิวหนังของสุนัข เมื่อแบคทีเรียและยีสต์เหล่านี้สัมผัสกับน้ำ พวกมันจะทำให้เกิดกลิ่นออกมาและกลิ่นนี้จะหายไปเมื่อสุนัขของคุณตัวแห้ง

 

นอกจากนี้ กลิ่นเหม็นอื่น ๆ อาจมาจากสาเหตุ ดังนี้

โรคไต : โรคไตในสุนัขสามารถทำให้หายใจเหม็นซึ่งเกิดจากแผลที่ก่อตัวขึ้นในปาก

โรคเบาหวาน : สุนัขบางตัวที่มีอาการรุนแรงมักมีกลิ่นแอมโมเนียเข้มข้น มีรสหวานหรือมีกลิ่นผลไม้มาจากปาก

สภาพผิวแพ้ภูมิตัวเอง : สภาพภูมิต้านทานผิดปกติบางอย่างของผิวหนังอาจทำให้เกิดแผลบนผิวหนังซึ่งนำไปสู่ กลิ่นเหม็น ผิดปกติที่มาจากผิวหนังได้

ตา : มีอาการหลายอย่างของดวงตาที่อาจส่งผลให้ลูกตาบวมหรือปวดได้ เมื่อปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน

 

          ดังนั้นหากสัตว์เลี้ยงของคุณมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ไม่สามารถกำจัดให้หายไปได้ด้วยการอาบน้ำ ขอแนะนำให้พาไปพบสัตวแพทย์ทันที ยิ่งคุณจัดการกับสุนัขตัวเหม็นได้เร็วเท่าไหร่ปัญหาก็จะยิ่งแก้ไขได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

 

 

 

ที่มา loveyourdog